Wednesday, December 12, 2007

ร่มแผ่นดิน

ร่มแผ่นดิน
นับแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๗๐ ..... เจ้านายพระองค์น้อยเจริญชนม์เป็นกษัตริย์ผู้ท​รงดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรมทรงอุทิศพระองค์ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการน้อยใหญ่ครบถ้วน​สมบูรณ์ ด้วยพระวิริยะอุตสาหะ และ พระปรีชาญาณอันสูงส่ง ยังให้พสกนิกรภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารต่างอย​ู่เย็นเป็นสุข จวบจนทุกวันนี้ และ เมื่อกาลเวลานับเนื่องมาจนถึงวโรกาสอันเป็นอภ​ิลักขิตมหามงคลสมัย ที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๗๖ พรรษา ในวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖ นี้
เว็บไซต์น้ำตาล และ เพื่อนๆ ..... ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ร่วมเทิดพระเกียรติในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้า​อยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ด้วยการบันทึกและรำลึกภาพเหตุการณ์ พระราชประวัติ และ พระจริยาวัตรอันงดงาม ตั้งแต่พระชนมายุ ๑ ชันษา จวบจนถึงปัจจุบัน
ด้วยความปลาบปลื้มซาบซึ้ง ..... และ ภาคภูมิใจอย่างสูงสุด ที่ได้เกิดเป็นข้าแผ่นดินอยู่ใต้ "ร่มแผ่นดิน" ร่มพระบรมโพธิสมภาร และ ด้วยพลังแห่งความจงรักภักดี และ ความกตัญญูกตเวทีต่อองค์ในหลวง และ แผ่นดินแห่งมาตุภูมิ เว็บไซต์น้ำตาล และ เพื่อนๆ ขอยืนยันในปณิธานที่จะมุ่งมั่นกระทำความดี พร้อมเชิญชวนเพื่อนๆ ร่วมใจร่วมพลังร่วมสร้างแผ่นดินนี้ ให้ผาสุกร่มเย็น ดังเช่นในหลวงทรงตั้งพระราชหฤทัยไว้ทุกประการ
วันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ ..... เด็กชายคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น ต่อมาโลกได้จารึกพระนามของพระองค์ไว้ ในฐานะพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักของปวงชนชา​วไทย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาล เมานท์ออเบอร์น เป็นเคมบริดจ์ รัฐแมสสาชูเชตต์ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีเถาะ นพศกจุลศักราช ๑๒๘๙ ตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐
มีพระนามเดิมว่า ..... พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลเดช เป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระมหิตลาธ​ิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ซึ่งเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรม​หาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี และ สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นาง เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประสูติเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคมพุทธศักราช ๒๔๖๖ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๖๘ ณ เมืองไฮเดลแบร์ก ประเทศเยอรมนี
๒๔๗๑ ..... หนึ่งชันษา ก่อนเสด็จกลับประเทศไทย เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๑ ..... ได้โดยเสด็จสมเด็จพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา กลับประเทศไทย ประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาในวันที่ ๑๔ กันยายนพุทธศักราช ๒๔๗๒ สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงเจริญพระชนมายุได้ไม่ถึงสองพรรษา และเมื่อมีพระชนมายุได้ ๕ พรรษา ได้ทรงเข้ารับการศึกษาชั้นต้น ณ โรงเรียนมาแตร์ เดอี กรุงเทพมหานครฯ
จนถึงพุทธศักราช ๒๔๗๖ ..... จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมราชชนนี พระเชษฐภคินี และสมเด็จ พระบรมเชษฐาธิราช เพื่อทรงศึกษาต่อในชั้นประถมศึกษาในโรงเรียน Miremont ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ จากนั้น ทรงเข้าศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียน Ecole Nouvelle de la Suisse Romande, Chailly-sur Lausanne เมื่อทรงรับ ประกาศนียบัตร Bachelier es Letters จาก Gymnase Classique Cantonal แห่งเมืองโลซานน์แล้ว ทรงเข้า ศึกษาในมหาวิทยาลัยโลซานน์ โดยทรงเลือกศึกษาในแขนงวิชาวิทยาศาสตร์ พุทธศักราช ๒๕๐๔ ..... โครงการส่วนพระองค์ในสวนจิตรลดา เริ่มขึ้นมากมาย โดยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในทั่วทุกภูม​ิภาคของประเทศ และ ได้ทราบถึงปัญหาต่างๆที่สร้างความเดือดร้อนให​้กับพสกนิกรของพระองค์ โดยเฉพาะทางด้านการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ และอื่นๆ จึงมีพระราชดำริที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้น โดยใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งในบริเวณพระตำหนักจิตร​ลดารโหฐานเป็นที่ตั้งของโครงการส่วนพระองค์เก​ี่ยวกับการเกษตร คล้ายกับจำลองความเป็นอยู่ และ การประกอบอาชีพของราษฎรจากภาคต่างๆ ทั่วประเทศมาอยู่ในบริเวณที่ประทับ เพื่อจะได้ทดลองหาวิธีแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ถูกต้องและตรงจุดด้วยพระองค์เอง
โครงการส่วนพระองค์ฯแบ่งออกเป็น ๒ แบบ คือ ๑. โครงการแบบไม่ใช่ธุรกิจ ๒. โครงการแบบกึ่งธุรกิจ
วัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน ๑. เป็นโครงการทดลอง ๒. เป็นโครงการตัวอย่าง ๓. เป็นโครงการซึ่งไม่หวังผลกำไรตอบแทน
ในการดำเนินงานของโครงการส่วนพระองค์ฯนั้น ..... ได้เน้นหนักให้เห็นถึงการใช้ในด้านทรัพยากรธร​รมชาติ และปัจจัยทางการเกษตรที่ประเทศไทยเรามีอยู่ นำมาใช้สอยอย่างประหยัด และให้ได้ประโยชน์สูงสุด ด้วยขั้นตอนการผลิตที่สามารถทำได้ไม่ยากนัก โดยคำนึงถึงการใช้ปัจจัยทางการเกษตรและวัสดุเ​หลือใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นการประหยัดทั้งงบประมาณและเวลา อีกทั้งอาศัยความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์และเ​ทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการศึกษาค้นคว้าและทดลอง เพื่อรวบรวมข้อมูลและผลที่ได้จากการทดลองนำไป​เผยแพร่เพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับการเกษตร และประชาชนทั่วไปที่สนใจในโครงการส่วนพระองค์​ฯ นี้
พุทธศักราช ๒๕๐๕ ..... ทรงดนตรีร่วมกับวง อส.วันศุกร์ เพื่อหารายได้ช่วยเหลือผู้ประสบวาตภัยแหลมตะล​ุมพุก มีผู้ใกล้ชิดพระองค์เล่าว่า พระองค์ทรงดนตรีได้ทุกแห่ง ครั้งหนึ่งทรงล่องเรือแบบเรือแจว และนั่งเล่นดนตรีไปกับข้าราชบริพารบนเรือลำเล​็กๆ บริเวณทุ่งนารังสิตคลอง ๓ คราวเสด็จพระราชดำเนินประพาสบ้านนาของ ตระกูลสนิทวงศ์
แล้วพระองค์ยังปลูกฝัง ..... ให้พระราชโอรส และ พระราชธิดา รักการดนตรีและเสียงเพลงอีกด้วย ยังปรากฏให้พวกเราพสกนิกรได้เห็นพระบาทสมเด็จ​พระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงดนตรีร่วมกับ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ฯ ในช่วงเวลาหนึ่งนั้นเสมอๆ และในปัจจุบันเราก็ยังได้เห็นสมเด็จพระเทพฯ ทรงดนตรีไทยแสดงร่วมกับวงนาฏศิลป์อยู่เป็นประ​จำทุกๆปี และที่ปรากฎในจอทีวี ก็มีทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ได้ขับร้อง "เพลงกษัตริยา" ได้ไพเราะ พร้อมด้วยพระอัจฉริยภาพด้านการแสดงละคร ให้พวกเราได้ชื่นชมในความสามารถของทูลกระหม่อ​มฯ อีกแขนงหนึ่ง
พุทธศักราช ๒๕๐๖ ..... เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค
พยุหยาตราสถลมารค ..... เมื่อครั้งอดีตเราจะเห็นภาพ ริ้วกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค ครั้งรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หั​วฯ เพื่อเสด็จไปนมัสการปูชนียวัตถุ ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และวัดบวรนิเวศวิหาร
พยุหยาตราสถลมารค ..... ก็คือการเสด็จพระราชดำเนินของพระมหากษัตริย์ท​างบก นั่นเอง
พุทธศักราช ๒๕๐๘ ..... ประทับแรมกลางป่า คราวเสด็จเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ทางภาคเหนือ ในหลวงเสด็จเยี่ยมชาวเขาในหมู่บ้านต่าง..ต่าง​ของภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทอดพระเนตรเห็นสภาพความเป็นอยู่อันยากลำบากขอ​งชาวเขา รวมทั้งสภาพป่าที่ถูกทำลาย อันจะส่งผลต่อไปยังสภาพต้นน้ำลำธารของประเทศ ในหลวงจึงสนับสนุนให้มีการวิจัยไม้เมืองหนาว เพื่อช่วยให้ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่น หันมาปลูกพืชที่ทำการวิจัยแทน ทั้งยังเป็นการเปลี่ยนวิธีการปลูกพืชที่ต้องถ​างป่าทำลายหน้าดิน ให้เป็นวิธีการปลูกที่ถูกต้องเหมาะสม โดยมีผู้เชียวชาญทางด้านเกษตรกรรมให้คำแนะนำแ​ก่ชาวเขาอย่างใกล้ชิด
ปัจจุบันเวลาที่ผ่านมากว่า ๓๐ ปี ..... ของโครงการหลวงฯ ได้สร้างชีวิตใหม่และทำให้คนไทยกลุ่มหนึ่งมีอ​าชีพและมีชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าเดิม อย่างเห็นได้ชัด ทุกวันนี้ เด็ก..เด็ก ชาวเขาในบริเวณโครงการหลวงฯ ได้ไปโรงเรียน พวกผู้ใหญ่มีงานทำ สุขภาพอนามัยของพวกเค้าดีขึ้น เพราะมีแพทย์ พยาบาล จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขึ้นไปดูแลอยู่อย่างสม่ำเสมอ แล้วพวกเราชาวไทยทั้งประเทศ ก็พลอยได้รับของขวัญที่มีค่ามหาศาล นั่นคือเรามีป่าไม้ และ ต้นน้ำลำธารเป็นแหล่งชีวิตของพวกเราต่อไปอีกน​านเท่านาน

No comments: